แน่นอนว่าในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 หรือ EURO2024 สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเสมอคือ การแจ้งเกิดของบรรดาแข้งดาวรุ่งจากทีมชาติต่างๆ ซึ่งในบางครั้งได้รับโอกาสให้ลงเล่นและสามารถพลิกโฉมหน้าของเกม รวมถึงช่วยให้ทีมสามารถฝ่าวิกฤตไปได้
และในทัวร์นาเมนท์นี้ บรรดาแข้งดาวรุ่งหลายคนได้รับเลือกให้ติดทีมชาติหลังจากโชว์ฟอร์มได้ดีในระดับสโมสร แต่มีเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น ที่ว่ากันว่าจะสามารถช่วยทีมและแจ้งเกิดในทัวร์นาเมนท์ แต่นั่นหมายความว่า เขาจะต้องได้รับโอกาสจากกุนซือของทีมในการลงเล่นก่อน
1.วอร์เรน แซร์-เอเมอรี่ (ฝรั่งเศส) : กองกลางจากปารีส-แซงต์แชร์กแมงที่โชว์ฟอร์มในซีซั่นนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะมีวัยเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น โดยเขาสามารถเบียดทีมชุดใหญ่ของสโมสรข้นมาได้ และสามารถคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งของฝรั่งเศสมาครอง รวมถึงได้รับการขยายสัญญาจากทีมออกไปจนถึงปี 2029 เลยทีเดียว
2.เบนจามิน เชสโก้ (สโลวีเนีย) : กองหน้าซึ่งถูกจับตามองจากทีมจากอังกฤษทั้งอาร์เซนอล เชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สุดท้ายเขาเลือกต่อสัญญากับไลป์ซิกออกไป แทนที่จะย้ายทีม เพราะเชื่อมั่นว่าด้วยวัยเพียง 21 ปีการได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอและอยู่กับทีมที่เหมาะสมจะช่วยในเรื่องพัฒนาการได้ดีกว่า
3.อาดาร์ กูแลร์ (ตุรกี) : แม้ว่าจะยังไม่ได้รับโอกาสในการลงเล่นเป็นตัวจริงแบบถาวรจากทีมเรอัล มาดริดในระดับสโมสร ต่าสำหรับทีมชาติ กูแลร์ได้รับการวางตัวในการบัญชาเกมในแดนกลางของทีมชาติแม้ว่าจะมีวัยเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น พร้อมกับได้รับความไว้วางใจจากวินเซนโซ่ มอนเตลล่า กุนซือชาวอิตาเลี่ยนอย่างเต็มที่
4.ซาบี้ ซิมง (ฮอลแลนด์) : กองหน้าที่ถูกยืมตัวมาจากปารีส-แซงต์แชร์กแมง และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับทีมไลป์ซิกจนได้รับการยอมรับว่าเป็นดีลในการยืมตัวที่ดีที่สุดดีลหนึ่งเลย โดยนอกจากจะช่วยให้ทีมจบการแข่งขันในซีซั่นนี้ได้ในอันดับที่ 4 แล้ว เขายังมีส่วนช่วยในการพาทีมเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ในแชมเปี้ยนส์ ลีกอีกด้วย
5.ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ (เยอรมนี) : ผ่านการพิสูจน์มาแล้วในระดับสโมสรว่าเป็นตัวคุมเกมรุกที่ทรงประสิทธิภาพ และสามารถพาทีมเลเวอร์คูเซนคว้าแชมป์บุนเดสลีกาและเดเอฟเบ โพคาล แต่น่าเสียดายที่พลาดยูโรป้า ลีกไป ส่วนเกมในระดับทีมชาตินั้น เขาได้รับความไว้วางใจจากยูเลี่ยน นาเกลมันน์ กุนซือของทีมให้ทำหน้าที่ในการเป็นผู้เล่นเกมรุกอย่างเต็มตัว และทำได้ดีด้วย
6.ไบรอัน บ็อบเบรย์ (ฮอลแลนด์) : แม้ว่าอาแจ็กซ์จะทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไรในระดับสโมสร แต่สถิติส่วนตัวของเขาบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะบ็อบเบรย์ยิงในซีซั่นที่แล้วถึง 22 ประตู และในระดับทีมชาติ เขารอแค่โอกาสอันดีในการสอดแทรกขึ้นมา เพราะณ ตอนนี้บรรดารุ่นพี่ที่เป็นทางเลือกในทีมชาติยังถือว่าแกร่งทั่วแผ่น
7.มาร์ติน บาตูรินา (โครเอเชีย) : การร่วงโรยของลูก้า โมดริซ ทำให้กองกลางรุ่นใหม่ๆ ได้มีโอกาสสอดแทรกขึ้นมาแทนที่ และบาตูรินาคืออีกคนที่ได้รับการจับตามองว่าจะเป็นกำลังสำคัญในแดนกลางให้กับทีมชาติโครเอเชีย จนกระทั่งได้รับการขนานามว่าเป็น The Next Modric
8.จิออร์จี้ มามาร์ดาชวิลลี่ (จอร์เจีย) : ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้รักษาประตูดาวรุ่งที่ดีที่สุดคนหนึ่ง และในปี 2023 เกือบย้ายไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิกก่อนที่จะเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายไปอยู่ที่บาเลนเซีย ซึ่งทำให้เขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าผลงานของทีมจะไม่ค่อยดีเท่าไร
9.เจา เนเวส (โปรตุเกส) : กองกลางที่ถูกจับตามองคนหนึ่งจากทีมใหญ่ในยุโรป โดยในตอนนี้เขามีวัยเพียงแค่ 19 ปี และลงเล่นให้กับเบนฟิก้า แต่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับการย้ายทีมของเอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ ทำให้เขาสามารถสอดแทรกขึ้นมาทำหน้าที่แทน
10.ลีโอโปล เคอร์เฟลด์ (ออสเตรีย) : ได้รับฉายาวากำแพงแห่งเวียนนา ด้วยการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น และตัวใหญ่มีความแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับความเร็ว ทำให้สามารถเอาชนะผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามในการดวลแบบเดี่ยวๆ ได้เสมอ ซึ่งในเกมทีมชาติ เคอร์เฟลด์ก็ได้รับความไว้วางใจ แม้ว่าจะมีวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น
• ติดตามข่าวสารและตารางคะแนนยูโร 2024 ได้ที่ euro2024.asia
• วิเคราะห์บอล ข่าวกีฬา ข่าวบอล ผลบอล by ฟุตบอลกูรู | mainscoreth
ร่วมสนุก รับของรางวัลฟรี !!! Add Line : @mainscoreth
#MainScoreTh #MainScoreThailand
#euro2024 #EUROhaveFun #JBOxEuro2024 #KapookKickoff #Kapook888xEuro2024
ไม่พลาดทุกข้อมูลข่าวสาร และโปรโมชั่นล่าสุดจาก Kapook
เชิญมาร่วมสนุกกับประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบได้ที่นี่
เลือกที่จะชนะไปกับเรา Kapook
