5 นักเตะที่ยังเจ๋งกับความสำเร็จในวัยเลข 3 (มีคลิป)

อายุเป็นแค่ตัวเลข
5 นักเตะที่ยังเจ๋งกับความสำเร็จในวัยเลข 3

‘ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด’ น่าจะเป็นคำจำกัดความที่พูดถึงคนกลุ่มนี้ได้ดีที่สุด หลสยคนถูกปล่อยออกจากทีมด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่าพวกเขาแก่เกินที่จะใช้งานแล้ว และหลายคนได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความคิดของต้นสังกัดเดิมของพวกเขานั้นผิดมหันต์ พวกเขายังเก่ง ยังแกร่ง และยังเก๋าชนิดที่สามารถมีส่วนร่วมในการพาทีมใหม่ให้ประสบความสำเร็จ และคว้าแชมป์อีกหลายต่อหลายครั้ง

เรากำลังพูดถึงกลุ่มนักเตะที่เดินออกจากทีมเก่าด้วยวัยที่มีตัวเลข 3 นำหน้า และถูกทีมเก่ามองว่าแก่เกินไปสำหรับใช้งานแล้ว และนี่คือ

1.อันเดรีย ปีร์โล่ : นี่คือตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข และการที่เอซี มิลานปล่อยเขาออกจากทีม คือ ความคิดที่ผิดเต็มๆ เขาเดินออกจากซานซีโร่ด้วยวัย 32 ปีหลังจากที่ลงแข่งในสีเสือของทีมปิศาจแดงดำมานานถึง 10 ปีนับจากปี 2001 ว่ากันว่าเหตุผลที่มิลานปล่อยเขาออกจากทีมก็เพราะวัยที่ล่วงเลยมานาน โดยลืมไปว่าด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬายุคใหม่ นักฟุตบอลแข็งแกร่งและมีอายุการใช้งานนานขึ้น แล้วก็เป็นยูเวนตุสที่ดึงเขาไปร่วมทีม

ปีร์โลอยู่กับยูเวนตุส 4 ปีนับจาก 2011-2015 และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ลงเล่น 119 นัดยิงไป 16 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์ซีเรีย อาถึง 4 ครั้ง เรียกว่าตลอด 4 ปีที่อยู่กับเจ้าม้าลาย เขาคว้าแชมป์ทุกปี พร้อมกับแชมป์โคปป้า อิตาเลียในปี 2014-2015 แชมป์ซูเปอร์โคปป้า อิตาเลียนา ในปี 2013 และ 2014 รวมถึงรองแชมป์ยูฟ่า แชมปเปี้ยนลีกส์ 2014-2015

2.หลุยส์ ซัวเรซ : ถูกปล่อยออกจากทีมบาร์เซโลน่าด้วยเหตุผลที่คล้ายกับปีร์โร่ แต่ด้วยวัย 34 ปีนั้น ถือว่าค่อนข้างเยอะสำหรับการเล่นฟุตบอลบนลีกระดับสูงของประเทศ แต่แอตเลติโก มาดริดก็ดึงตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร และซัวเรซตอบแทนต้นสังกัดใหม่ด้วยการยิงไป 21 ประตูพร้อมกับคว้าแชมป์ลาลีกากับแอตเลติโก มาดริด

3.แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ : ตอนที่เขาย้ายออกจากโคเวนตรี้ในปี 2000 แม็คอัลสเตอร์อายุปาเข้าไป 34 ปีแล้ว และต้องบอกว่านี่คือการเซ็นสัญญาผู้เล่นฟรีเอเยนต์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาของลิเวอร์พูล (ก่อนที่จะเกิดอีกครั้งกับเจมส์ มิลเนอร์) เขาคือ จอมทัพตัวเก๋าส์ที่ช่วยเข้ามาแบกเกมและดึงอารมณ์บวกกับประคองเกมของบรรดากองกลางวัยรุ่นในยุคนั้นอย่างสตีเวน เจอร์ราร์ด

แม็คอัลลิสเตอร์ลงเล่นให้ลิเวอร์พูล 2 ปี คือ 2000-2002 ลงเล่นไป 55 นัดยิงไป 5 ประตู รวมถึงประตูสุดสวยที่ยิงใส่เอฟเวอร์ตัน ที่สำคัญคือ เขาคว้าแชมป์เป็นว่าเล่นกันหงส์แดง คือ แชมป์เอฟเอ คัพในปี 2000-2001, แชมป์ลีกคัพในปีเดียวกัน, cแชมป์แชร์ลิตี้ ชิลด์ปี 2001, แชมป์ยูฟ่าคัพ 2000-2001 และแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 2001

4.โอลิวิเยร์ ชิรูด์ : อาร์เซนอลปล่อยเขาออกจากทีมไปอยู่กับเชลซีด้วยวัย 32 ปีกับสัญญา 18 เดือนที่ไม่มีการระบุค่าตัว แน่นอนว่านั่นคือ ดีลที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไร แต่กลายเป็นว่าสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับทีม เพราะชิรูด์มีส่วนในการช่วยทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพในปี 2017-2018 ตามด้วยแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีกส์ 2020-2021 และยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 2018-2019 ซึ่งที่เชลซีเขาลงเล่นทั้งหมด 75 นัด ยิงไป 17 ประตู

เรื่องทำท่าว่าจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่การบบย้ายครั้งต่อมามายังเอซี มิลานนั้น ชิรูด์อยู่ในวัย 35 ปีเมื่อปี 2021 และเขามีส่วนในการช่วยทีมคว้าแชมป์กัลโช่ ซีเรีย อา ซีซั่น 2021-2022 ซึ่งเป็นแชมป์ครั้งที่ 19 ของมิลาน

5.ซลาตัน อิบราฮิโมวิช : อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเขาคนนี้ โดยเอซี มิลานปล่อยเขาออกจากทีมไปอยู่กับปารีส แชงต์แชร์กแมงด้วยวัย 31 ปีกับค่าตัว 20 ล้านยูโร ซึ่งที่นี่เขาลงเล่นในระหว่างปี 2012-2016 จำนวน 122 นัด ยิงไป 113 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์ คือ ลีกเอิง 4 สมัย ในปี 2012/2013, 2013/2014, 2014/2015 และ 2015/2016 ตามด้วยแชมป์บอลถ้วย คูป เดอ ฟรองซ์ 2014/2015 และ 2015/2016 ตามด้วยคูป เดอ ลาลีก 2013/2014, 2014/2015 และ 2015/2016 และแชปม์โทรฟี เดส์ แชมปิยอง 2013, 2014 และ 2015

และในวัย 35 ปี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเซ็นสัญญาดึงเขามาร่วมทีมแบบไร้ค่าตัว และสิ่งที่เขาตอบแทนคือ ลงเล่นในระหว่างปี 2016-2018 จำนวน 33 นัดและยิงไป 17 ประตู พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 2016-2017 แชมป์ ELF Cup ในปี 2016-2017 และแชมป์คอมมูนิตี้ชิลด์ในปี 2017

เรื่องราวของเขายังไม่จบหลังจากนั้น อิบราฮิโมวิชย้ายไปร่วมทีมแอลเอ กาแล็กซี่ ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีถ้วยติดกลับมา แต่เขาก็ยิงกระจาย ลงเล่นไป 56 นัดยิงไป 52 ประตู ก่อนที่จะกลับมายังรังเก่าที่เอซี มิลานด้วยวัย 39 ปี และกครั้งนี้เขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามันก็แค่ตัวเลขสำหรับเรื่องอายุ เพราะลงเล่นให้กับทีม 2 ปีจำนวน 64 นัดและยิงไป 34 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์ซีเรีย อาในปี 2020/2021