เส้นบางๆ ระหว่าง ‘ดาวรุ่ง’ กับ ‘ดาวร่วง’ ของ ราดูคานู

ถ้าคุณเคยผ่านการเล่นเกมอย่าง CM หรือ FM รวมถึงบรรดาฟุตบอล เมเนเจอร์ ประเภทต่างๆ คงจะรู้จักดีกับการพยายามหาเพชรแท้ที่รอการเจีระไน หรือ Wonderkid หรือดาวรุ่ง เข้ามาร่วมทีม ซึ่งแน่นอนว่า หลายคนสามารถทะลุจนก้าวข้ามขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ ขณะที่บางคนเป็นได้แค่นักฟุตบอลธรรมดา หรือที่แย่กว่านั้นคือ ไม่ได้มีความสามารถพออย่างที่มีการประเมินกันเอาไว้เลย

ทุกวงการมีคำว่า ‘ดาวรุ่ง’ และในวงการเทนนิสก็เช่นเดียวกัน โดยที่ตกเป็นข่าวในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา คือ กรณีของ เอ็มมา ราดูคานู อดีตแชมป์ยูเอส โอเพน 2021 ซึ่งเธอคว้าแชมป์มาครองด้วยวัยเพียง 18 ปีในตอนนั้น

ราดูคานู เกิดในประเทศแคนนาดา บิดาเป็นชาวโรมาเนีย ส่วนมารดาเป็นชาวจีน ต่อมาครอบครัวของเธอได้ย้ายไปปักหลักถิ่นฐานที่ประเทศอังกฤษ เด็กสาวเลือดผสมโรมาเนียนและจีนจึงได้เติบโตในแดนผู้ดี ปัจจุบันนักเทนนิสสาว ราดูคานู ถือสองสัญชาติแคนาดาและอังกฤษ แม้เป็นตัวแทนของสหราชอาณาจักร แต่นักเทนนิสสาวคนนี้ก็ภาคภูมิใจในรากเหง้าบรรพชนโรมาเนียและจีน

ความมหัศจรรย์ของเธอเริ่มจากการคว้าแชมป์ยูเอส โอเพนในปี 2021 ด้วยการเอาชนะ เลย์ลาห์ เฟอร์นานเดซ สาววัย 19 ปีจากแคนาดา 2-0 เซต 6-4, 6-3 ซึ่งทั้งหมดดูแล้วไม่น่าจะมีอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีอายุแค่ 18 ปี เธอยังป็นนักเทนนิสคนแรกที่มาจากรอบคัดเลือกและคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ และเป็นนักหวดสหราชอาณาจักรคนแรกในรอบ 44 ปี ที่ได้แชมป์แกรนด์สแลม ต่อจาก เวอร์จิเนีย เวด ที่ได้แชมป์หญิงเดี่ยววิมเบิลดัน เมื่อปี 1977

ขณะเดียวกัน ราดูคานู ยังคว้าแชมป์รายการนี้ไปครอง ด้วยสถิติชนะรวด 10 แมตช์ติดต่อกันนับตั้งแต่รอบคัดเลือก โดยไม่เสียเซตเลยแม้แต่เซตเดียว ส่งผลให้เธอโกยเงินรางวัลเข้ากระเป๋าไปถึง 1.8 ล้านปอนด์ (ราว 81.6 ล้านบาท) และจะขยับจากอันดับ 150 ขึ้นไปอยู่อันดับ 23 ของโลก

เห็นหรือยังว่าชื่อเสียงและความสำเร็จมาในแบบไม่ทันตั้งตัว เหมือนกับสามล้อถูกหวยยังไงยังงั้น และร้อยทั้งร้อยไม่สามารถที่จะจัดการกับสิ่งที่ประดังเข้ามา แถมเธอเองยังมีอายุแค่ 18 ปีเท่านั้นเอง

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังความสำเร็จ คือ ความหลงระเริง ความล้มเหลวในการจัดการกับความสำเร็จที่จะส่งผลต่อทัศนคติ และฟอร์มการเล่นของเธอ รวมถึงการที่ทุกคนล้วนยกยอและปั้นเธอให้เป็นดาว ซึ่งตัวราดูคานูก็ยินดีที่จะรับเรื่องเหล่านี้เข้ามาใส่ตัว จนกระทั่งส่งผลร้ายกับเธอเอง เหมือนกับที่เคยมีตัวอย่างในอดีต ที่นักวิเคราะหูส่วนใหญ่ พุ่งตรงไปที่ความคล้ายกันของเธอ กับ ยูจีนี่ บูลชาร์ด ที่เป็นดาวรุ่งแต่สุดท้ายเธอก็ไปไม่สุดทางและเลือกที่จะโลกแห่งแสงสีและความบันเทิงมากกว่าความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จในโลกของเทนนิส

เธอล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงหลังจากนั้น ทั้งเรื่องสภาพร่างกาย จิตใจ ฟอร์มการเล่น และ ความมุ่งมั่น ท่ามกลางการปรากฏกายในงานบันเทิงต่างๆ ตามประสาคนดัง รวมทั้งยังถูกวิจารณ์เรื่องการเปลี่ยนโค้ชส่วนตัวบ่อยมาก

ทิม เฮนแมน อดีตนักหวดสหราชอาณาจักรที่สนิทกับครอบครัวของ ราดูคานู และ มีส่วนช่วยสอนการเล่นก่อนจะเป็นแชมป์ ก็ออกมายอมรับว่าบางทีการใช้โค้ช 5 คนในรอบ 2 ปี ก็อาจทำให้เธอขาดแนวทางที่ชัดเจนในการเล่น และถ้ายังเป็นอย่างนี้อีกถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างมาก

ขณะที่ จอห์น แม็กเอ็นโร อดีตตำนานเทนนิสที่ในตอนนี้มาเป็นนักวิจารณ์เกม ก็ได้บอกว่า สิ่งที่ราดูคานูเจอถือเป็นเรื่องปกติของความสำเร็จที่ได้มาในแบบชั่วข้ามคืน และเธอยังพอมีโอกาสที่จะรับมือและจัดการกับเรื่องนี้ได้ ขอเพียงมีคนคอยช่วยประคองและตัวเธอเองจะต้องก้าวออกมาจากโลกเดิมๆ ที่เธอหลงอยู่ในนั้น

นอกจากนั้น บิลลี่ จีน คิง อดีตแชมป์ยูเอส โอเพนออกมาให้ความเห็นในการเตือนนักเทนนิสรุ่นน้องว่า อย่าหลงระเริงหรือกดดันตัวเองเพราะเสียงวิจารณ์ที่ยู่ในโลกออนไลน์ เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความเครียดและส่งผลต่อการเล่นและทัศนคติที่ไม่ดีให้กับตัวเอง

ในตอนนี้ ราดูคานู ได้รับบาดเจ็บและเธอไม่ได้ลงแข่งมาหลายทัวร์นาเมนท์แล้ว ซึ่งแน่นอนว่า อันดับของเธอร่วงรูด และในตอนนี้อยู่ต่ำกว่า 130 ของโลกแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะบาดเจ็บ แต่ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงพักฟื้น และ คิงหวังว่า เธอจะหายวันหายคืน และกลับคืนสู่สนามได้เร็ววันนี้ โดยเฉพาะการกลับมาลงแข่งในรายการยูเอส โอเพน 2023 ที่จะเริ่มขึ้นใน 28 สิงหาคม ถึง 10 กันยายนนี้