FPL ปรับราคาผู้เล่นหลังผ่านวีค 2

ในตอนนี้การแข่งขัน FPL และพรีเมียร์ลีกเสร็จสิ้นสัปดาห์ที่ 2 แล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของราคาที่จะต้องมีการผันแปรไปตามประสิทธิภาพและประสิทธิผลของผู้เล่นที่อยู่ในสนามจริง ซึ่งสัปดาห์นี้ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับผู้เล่นหลายคนทั้งในเรื่องของราคาที่ขึ้น และราคาที่ลดลง

ราคาขึ้น
เออร์ลิง ฮาลันด์ (15.1 ล้านปอนด์) – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ค่าตัวของนักเตะชาวนอร์เวย์คนนี้พุ่งสูงถึง 15.1 ล้านปอนด์ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ FPL การออกสตาร์ตฤดูกาลที่ร้อนแรงของฮาลันด์ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงสิ่งที่เขาควรค่ากับค่าตัว โดยเขาเก็บแต้มได้ 24 แต้มในสองสัปดาห์ของเกม ผลงานล่าสุดของเขารวมถึงการทำได้ 7 แต้มในเกมกับเชลซี และ 17 แต้มในเกมกับอิปสวิช ด้วยเกมที่จะพบกับเวสต์แฮม (เยือน), เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า) และอาร์เซนอล (เหย้า) ฮาลันด์ยังคงเป็นตัวเต็งแม้จะมีค่าตัวสูงก็ตาม

แดนนี่ เวลเบ็ค (5.6 ล้านปอนด์) – ไบรท์ตัน เวลเบ็คกลายเป็นตัวเลือกกองหน้าราคาประหยัด โดยเพิ่มขึ้นเป็น 5.6 ล้านปอนด์ หลังจากออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างน่าประทับใจ กองหน้าชาวอังกฤษคนนี้เก็บแต้มได้ 21 แต้มในสองสัปดาห์ของเกม รวมถึงเก็บได้ 12 แต้มในเกมกับเอฟเวอร์ตัน และ 9 แต้มในเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โปรแกรมการแข่งขันของไบรท์ตันกับอาร์เซนอล (เยือน) อิปสวิช (เหย้า) และน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (เหย้า) ที่กำลังจะมีขึ้นนั้นมีทั้งผู้เล่นที่มีโอกาสลงเล่นหลากหลาย แต่ฟอร์มการเล่นของเวลเบ็คทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

คาโอรุ มิโตมะ (6.6 ล้านปอนด์) – ไบรท์ตัน กองกลางชาวญี่ปุ่นรายนี้มีค่าตัวเพิ่มขึ้นเป็น 6.6 ล้านปอนด์หลังจากทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอ มิโตมะเก็บไปได้ 13 แต้มตลอดสองสัปดาห์การแข่งขัน โดยได้ 8 แต้มจากการเจอกับเอฟเวอร์ตัน และ 5 แต้มจากการเจอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รายชื่อโปรแกรมการแข่งขันของไบรท์ตันนั้นเหมือนกับเวลเบ็ค โดยมีทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับกองกลางตัวสร้างสรรค์เกมรายนี้

ราคาร่วง
ทิโมธี่ คาตานญ่า (4.4 ล้านปอนด์) – ฟูแล่ม / เจมส์ ทาคาวสกี้ (4.9 ล้านปอนด์) – เอฟเวอร์ตัน / แอนโธนี่ เอลังก้า (5.4 ล้านปอนด์) – น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ / โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน (5.9 ล้านปอนด์) – เอฟเวอร์ตัน / เจมส์ วอร์ด-พราวส์ (6.4 ล้านปอนด์) – เวสต์แฮม / จาร์ราด แบรนธเวต (4.9 ล้านปอนด์) – เอฟเวอร์ตัน / โอลา ไอน่า (4.4 ล้านปอนด์) – น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ / มาร์กอส เซเนซี (4.9 ล้านปอนด์) – บอร์นมัธ / เบน ชิลเวลล์ (4.9 ล้านปอนด์) – เชลซี / ไทโว อโวนิยี (5.9 ล้านปอนด์) – น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ / โจ โกเมซ (4.9 ล้านปอนด์) – ลิเวอร์พูล / ราสมุส ฮอยลันด์ (6.9 ล้านปอนด์) – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด / จอร์แดน อายิว (5.4 ล้านปอนด์) – เลสเตอร์ / สเตฟี มาวิดิดี (5.4 ล้านปอนด์) – เลสเตอร์ / ฮาร์วีย์ บาร์นส์ (6.4 ล้านปอนด์) – นิวคาสเซิล / นาธาน โอไบรอัน (4.9 ล้านปอนด์) – เอฟเวอร์ตัน / ติโม แวร์เนอร์ (6.4 ล้านปอนด์) – สเปอร์ /จาคุบ คิวิออร์ (4.9 ล้านปอนด์) – อาร์เซนอล / คริสเตียน เอริคเซ่น (5.4 ล้านปอนด์) – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด / ซามูเอล อิลิง จูเนียร์ (5.4 ล้านปอนด์) – แอสตัน วิลล่า / เจฟฟรีย์ ชลัปป์ (4.9 ล้านปอนด์) – คริสตัล พาเลซ / เคอร์ติส โจนส์ (5.4 ล้านปอนด์) – ลิเวอร์พูล / เจมส์ แม็คอาที (4.9 ล้านปอนด์) – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ / คัลลัม วิลสัน (6.9 ล้านปอนด์) – นิวคาสเซิล / ฟาบิโอ วิเอรา (5.4 ล้านปอนด์) – อาร์เซนอล

การเปลี่ยนแปลงราคานี้เน้นย้ำถึงลักษณะที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของตลาด FPL และความสำคัญของการเดินหน้าสู่เกมต่อๆ ไป ดังนั้น ผู้จัดการทีมควรพิจารณาความผันผวนเหล่านี้อย่างรอบคอบเมื่อวางแผนการย้ายทีมและโครงสร้างทีม