ย้ายมาจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมด้วยค่าตัวไม่ถึง 20 ล้านปอนด์ และลงเล่นในบุนเดสลีกาในฐานะตัวจริงไม่เกิน 3 นัด แต่ไรอัน กราเวนเบิร์ช กำลังจะย้ายเข้าสู่รั้วแอนฟิลด์ในฐานะของนักเตะใหม่ของสโมสรลิเวอร์พูลด้วยค่าตัวที่แพงกว่าตอนย้ายออกจากฮอลแลนด์ถึงเท่าตัว … ประเด็นคือ เขาดีพอแล้วหรือ ?
เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นสายเกมและชื่นชอบการเล่มเกมอย่าง FM หรือ Football Manager มาสักระยะ และมีโอกาสคุมทีมอาแจ็กซ์ เชื่อเลยว่าคุณจะไม่มีทางปล่อยตัวกราเวนเบิร์ชออกจากทีมอย่างแน่นอน เพราะเขาคือ Wonderkid ของทีมสโมสรและทีมชาติฮอลแลนด์
แต่อย่างว่าละครับ เกมกับชีวิตจริงบางครั้งมันคนละเรื่อง แต่ก็มีบางอย่างที่สามารถใช้อ้างอิงได้ เพราะเอาเข้าจริงๆ กราเวนเบิร์ชไม่ใช่นักเตะวัยรุ่นที่ไม่มีเชิงหรือเซนส์บอลอะไร แต่ถือว่ามีฝีเท้าที่ดีและยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เขาเป็นผลผลิตของอาแจ็กซ์ เข้าร่วมโรงเรียนสอนบอลตั้งแต่ปี 2010 และได้รับการขนานนามว่าเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์สูง เทียบชั้นกับแอบเดลฮาก นูรี นักเตะกองกลางอีกคนของอาแจ็กซ์ที่ต้องเลิกเล่นเพราะมีปัญหาเรื่องหัวใจ
กราเวนเบิรชเซ็นสัญญาอาชีพในปี 2018 และลงเล่นทีมรุ่นเล็กอย่าง Jong Ajax ด้วยผลงานลงเล่น 44 นัดยิงไป 8 ประตู ถือว่าดีเลยทีเดียวสำหรับมิดฟิลด์ตัวคุมเกม และลงเล่นอีก 72 นัดยิงได้ 7 ประตูในฐานะนักเตะชุดใหญ่ของอาแจ็กซ์ในช่วงปี 2018-2022 เขาลงเล่นเกมใหญ่นัดแรกในวันที่ 23 กันยายน 2018 ซึ่งแม้ว่าอาแจ็กซ์จะแพ้พีเอสวีไป 0-3 แต่เขาก็ได้รับการจารึกชื่อว่าเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในการลงเล่นลีกอาชีพด้วยวัยเพียง 16 ปี 130 วัน อ่อนกว่าสถิติเดิมของคลาเรนซ์ ซีดอร์ฟเพียง 112 วัน
สัญญาที่กราเวนเบิร์ชเซ็นกับอาแจ็กซ์ครั้งแรกมีระยะเวลา 5 ปี ดังนั้น เมื่อถึงปี 2023 เขาจึงเหลือสัญญาเพียงปีเดียวและพร้อมที่จะมูฟออนออกจากอัมสเตอร์ดัมเพื่อเดินหน้าสู่โลกกว้าง และเป็นบาเยิร์น มิวนิกที่ยื่นความสนใจเข้ามา และคว้าตัวเขาไปด้วยตัวเลข 18 ล้านยูโรบวกกับแอดออนอีก 5 ล้านยูโร เพื่อแลกกับนักเตะวัยรุ่นที่เหลือสัญญาเพียงปีเดียว ซึ่งถ้าดูตามเงื่อนไขนี้แล้วถือว่าสอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเขามีสัญญาเหลือมากกว่า 1 ปี เชื่อว่าค่าตัวคงไม่ใช่ตัวเลขนี้อย่างแน่นอน
ที่บาเยิร์น มิวนิก เกิดเหตุหลายอย่าง เช่นการเปลี่ยนผู้จัดการทีมทำให้ยูเลี่ยน นาเกลมันน์ที่ดึงเข้ามาร่วมทีมต้องเดินออกไป และโธมัส ทูเคิลเดินเข้ามาแทนที่ ซึ่งนั่นทำให้เขาถูกมองข้ามไปหลายครั้ง ด้วยเพราะวัยที่ไม่มาก และทูเคิลเองก็ต้องการสร้างผลงานดังนั้น จึงต้องเลือกไลน์อัพของทีมที่มั่นใจได้ ส่งผลให้กราเวนเบิร์ชไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆ อีกต่อไป และเขาต้องมองหาลู่ทางในการย้ายทีมออกไปเพื่อให้ได้ลงเล่นมากขึ้น และที่สำคัญ เพื่อโอกาสในการติดทีมชาติฮอลแลนด์ไปเล่นฟุตบอลยุโรปในปี 2024
ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เขามีข่าวกับทีมหลายทีม แต่ที่ดูจริงจังและต้องการเขาไปร่วมทีมคือ ลิเวอร์พูล ซึ่งเจอร์เกน คลอปป์กำลังรื้อแผงมิดฟิลด์ยกชุด ซึ่งในปี 2023/2024 เขาดึงมิดฟิลด์มาร่วมทีมแล้ว 3 คนคือ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ โดมินิก โซบอสไล และวาตารุ เอ็นโด แต่อีกคนที่เขาต้องการคือ มิดฟิลด์แบบบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ เหมือนกับจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในการลากบอกและคุมเกมเพื่อพาบอลไปยังปากประตู และเหนือกว่าตรงที่สามารถครองบอล และจ่ายบอลสวยๆ ให้เพื่อหลุดเข้าไปทำประตู สามารถเล่นได้ทั้งกลางรับและกลางรุก เรียกว่าเป็นนักเตะที่ครบเครื่องคนหนึ่งเลยทีเดียว
มีการเปิดเผยออกมาแล้วว่า กราเวนเบิร์ชจะมีค่าตัวในการย้ายทีมอยู่ที่ 34.2 ล้านปอนด์ และทางลิเวอร์พูลได้ยื่นข้อเสนอด้วยสัญญา 5 ปีแต่ยังไม่ได้ระบุรายได้ออกมาให้กับทางกราเวนเบิร์ชพิจารณา ซึ่งเชื่อว่าสัญญาจะตกลงกันได้ภายในสัปดาห์นี้ และเขาจะกลายเป็นนักเตะความหวังใหม่ของทีม ภายใต้การประคองของรุ่นพี่ โดยที่ยังมีติอาโก้ อัลคันทาราคอยให้ความช่วยเหลือได้เป็นอย่างดี
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บอสส์ของลิเวอร์พูลก็ต้องมีวิธีหรือคู่มือในการที่จะใช้งานเขาด้วยเช่นกัน และต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้ว กราเวนเบิร์ชจะสามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวได้หรือยัง