กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เป็นชื่อที่แฟนๆ แบดมินตันไทยคุ้นหูกันดีอยู่แล้ว แต่คราวนี้ชื่อของเขาจะคุ้นหูคนทั่วไปมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเขากลายเป็น ‘คนแรก’ ของโลกแบดมินตันไทย หลังจากที่คว้าแชมป์รายการโททาลเอนเนอร์ยี่ส์ บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ หรือ ศึกชิงแชมป์โลก 2023 ที่รอยัล อารีน่า ในกรุงโคเปเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ส.ค.66 ที่ผ่านมา พร้อมกับเหรียญทองประวัติศาสตร์ที่นำมาให้กับเมืองไทย
ที่บอกว่า ‘คนแรก’ ก็เพราะว่า เขาเป็นนักแบดมินตันชายเดี่ยวไทยคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จ และ เป็นการคว้าเหรียญสองครั้งติดต่อกันต่อจากปี 2022 ที่ได้เหรียญเงิน นอกจากนี้เป็นนักแบดมินตันชาวไทยคนที่ 3 ที่คว้าแชมป์โลกต่อจาก “เมย์” รัชนก อินทนนท์ เมื่อปี 2013 และ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ในปี 2021
ในรอบชิงชนะเลิศ กุลวุฒิ มือวางอันดับ 3 ของรายการ มืออันดับ 3 ของโลก รองแชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว พบกับ โคได นาราโอกะ มืออันดับ 4 ของโลกจากญี่ปุ่น สำหรับสถิติที่พบกันมาทั้งหมด 6 ครั้ง ผลัดกันแพ้ชนะกันมาทั้งหมด 3 ครั้ง และถือเป็นเกมที่บีบหัวใจสุดๆ เมื่อเกมแรกถูกนาราโอกะเอาชนะไปได้ 21-19 ทำให้เขาต้องสู้อย่างเต็มที่ในเกมที่ 2 เพื่อเอาชนะ และต่อลมหายใจ
และกุลวุฒิก็ทำได้ด้วยการเอาชนะไป 21-18 ทำเสมอกัน 1-1 ต้องตัดสินกันในเกมที่ 3 และในเกมนี้ เขาเปลี่ยนเกมมาเล่นบุกมาขึ้นออกนำ 5-1 จึงทำให้เล่นได้ง่ายขึ้น ขณะที่ นาราโอกะ เริ่มออกอาการล้าอย่างเห็นได้ชัดนำห่าง 10-1 แต่กุลวุฒิ ก็มานำในครึ่งเกมสามที่ 11-5 จากนั้น ก่อนออกนำห่าง 19-5 และปิดแมตช์ไปได้ยอดเยี่ยมที่ 21-7 ทำให้เอาชนะไปได้ 2-1 เกม ใช้เวลาแข่งขันไป 1 ชั่วโมง 48 นาที
จากชัยชนะครั้งนี้ทำให้เขาขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 ของโลก มี 79.778 คะแนน ส่วนคู่แข่งของเขาในนัดชิงฯ รายดังกล่าวอย่าง โคได นาราโอกะ อยู่ที่ 3 ของโลก มี 81.315 คะแนน โดยที่ วิคเตอร์ แอ็กเซลเซน อันดับหนึ่งของโลก จากประเทศเดนมาร์ก ด้วยคะแนน 101.505 คะแนน
กุลวุฒิเริ่มเล่นแบดมินตันในขณะที่มีอายุเพียง 7 ขวบโดยเหตุผลก็เพื่อออกกำลังกาย ซึ่งในตอนนั้นมีสุขภาพไม่ค่อยดีเพราะแพ้อากาศ และมีโอกาสได้ตามคุณพ่อไปยังสนามแบดมินตันบ่อยๆ ก่อนฝึกซ้อมอย่างจริงจังและสามารถก้าวขึ้นมาเป็นดาวรุ่งของทีมชาติไทย
เขาเป็นผู้เล่นที่มีทักษะและเทคนิคที่โดดเด่น มีลูกตบที่หนักหน่วงและแม่นยำ บวกกับไหวพริบและปฏิกิริยาการตอบโต้ที่รวดเร็ว ทำให้เขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่เก่งกว่าได้บ่อยครั้ง นอกจากนี้ กุลวุฒิ ยังเป็นผู้เล่นที่มีทัศนคติที่ดี มีวินัยในการฝึกซ้อม และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จึงทำให้เขาประสบความสำเร็จในวงการแบดมินตันได้อย่างรวดเร็ว โดยในปัจจุบันเขาเป็นนักกีฬาในสังกัดโรงเรียนบ้านทองหยอด เช่นเดียวกับน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์
และนี่คือ อีกความหวังของวงการแบดมินตันเมืองไทย