เสือลำบาก เมื่อต้องไร้ โจ เบอร์โรว์

ถ้ายังจำกันได้ เรื่องที่ โจ เบอร์โรว์ ควอเตอร์แบ็คของทีม ซินซินเนติ เบงกอลส์ เจ็บจดต้องปิดเทอมยาว ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะในช่วงปีแรก หรือรุคกี้เยียร์ของเขานั้น เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทีมจบการแข่งขันแค่เรกูลาร์ ซีซั่นด้วยสถิติ 4-11-1 พูดง่ายๆ คือ มีสถิติ 2-4 เมื่อไม่มีเขายืนในตำแหน่งควอเตอร์แบ็คตัวจริง หลังจากการแข่งขันผ่านมาได้ 11 สัปดาห์

ในช่วง 2 ซีซั่นที่ผ่านมา ต้องบอกว่า เบอร์โรว์ คือ ศูนย์รวมทางจิตวิญญาณของทีม และแม้ว่าจะเป็นผู้เล่นปีที่ 3 แต่เขาก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้เล่นตัวหลักของทีม เบงกอลส์ เช่นเดียวกับเฮดโค้ช แซ็ค เทย์เลอร์ โดยเฉพาะในปีที่เขาคัมแบ็คจากการหายเจ็บมาลงเล่นเต็มตัวและพาทีมจบการแข่งขันในช่วงปกติของปี 2021 ด้วยสถิติแพ้ 10 ชนะ 6 (ส่วนทีมจบการแข่งขันด้วยสถิติ 10-7) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดของทีม พร้อมกับพาทีมเข้าสู่รอบเพลย์ออฟได้เป็นครั้งแรกนับจากปี 2015 ก่อนที่จะทะลุถึงการชิงซูเปอร์โบว์ในปีนั้น ก่อนที่จะพ่ายต่อ ลอสแองเจลีส แรมส์ ไป 20-23

ส่วนในปี 2022 เบอร์โรว์ มีสถิติในการแข่งขันเรกูลาร์ ซีซั้นดีกว่าปีที่พาทีมเข้าชิงซูเปอร์โบว์ (ชนะ 12 แพ้ 4) แต่สุดท้ายทีมทำได้แค่เข้าสู่รอบชิงแชมป์สาย AFC ก่อนพ่ายต่อ แคนซัสซิตี้ ชีฟส์ ไป และปีนั้น ชีฟส์ ก็ได้เป็นแชมป์ ซูเปอร์ โบว์

จริงอยู่ที่ ภาพรวมของ เบงกอลส์ สำหรับปี 2023 จะค่อนข้างดี ถ้าไม่นับในตำแหน่ง เซฟตี้ ที่เขาต้องเสียตัวผู้เล่นที่มีประสบการณ์ออกไปจากทีม แต่การที่ เบอร์โรว์ ได้รับการบาดเจ็บ ในระหว่างการลงฝึกซ้อมนั้น กลับสร้างผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของทีมอย่างมาก เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เขาคือ จอมทัพตัวจริงของทีม และจามาร์ เชสส์ ปีกนอกตัวอันตรายของทีม ก็อาจจะสำแดงเดชได้ไม่เต็มที่ เมื่อเพื่อนรู้ใจตั้งต่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย LSU ได้รับบาดเจ็บ

เท่าที่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ เบอร์โรว์ ได้รับบาดเจ็บที่น่องถึงขนาดต้องนั่งรถเข็นออกจากสนามซ้อม ซึ่งในแง่ของภาพรวมแล้วถือว่าดูไม่ดีเลย และขณะเดียวกัน ทางทีม เบงกอลส์ เองก็ไม่ให้ข่าวในเชิงบวกที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับทีมแบบทันทีทันใด นอกจากบอกแค่ว่าอาจจะไม่มี เบอร์โรว์ อยู่ในทีม หลายสัปดาห์ ซึ่งคำว่า ‘หลายสัปดาห์’ นี่แหละที่มีความสำคัญ และทำให้ทั้งนักข่าวและเพื่อนร่วมทีมคิดไปเองต่างๆ นานา ถึงขนาดที่ จอมทัพหมายเลข 9 อาจจะไม่ได้ลงสนามเลยตลอดซีซั่นนี้

เอาเป็นว่าถ้าตลอดทั้งเดือนกันยายน ทีมจะไม่ได้มี เบอร์โรว์ ประจำทัพ งานก็ไม่ถือว่าหนักหนาเท่าไร นอกจากสัปดาห์ที่ 2 ซึ่งพวกเขาจะต้องลงแข่งในบ้านกับ บัลติมอร์ เรเวนส์ ส่วนที่เหลือโปรแกรมตลอดกันยายน ถือว่าเจอทีมไม่โหดมา เช่น นักแรกพบกับคลีฟแลนด์ บราวน์ นัดที่ 3 ต้อนรับการมาเยือนของ แรมส์ และนัดที่ 4 ออกไปเยือน เทนเนสซี ไททันส์
นอกจากนั้น ควอเตอร์แบ็คมือรองของทีมอย่างคงจะต้องใช้เวลาในช่วงพรีซีซั่น ซึ่งทีมจะต้องพบกับ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์, แอตแลนต้า ฟัลคอนส์ และ วอชิงตัน คอมมานเดอร์ส ในการปรับตัวให้เข้ากับทีม เพราะแม้ว่าเจค บรานิ่ง และเทรเวอร์ ซีเมียนจะอยู่กับทีมมาสักระยะ แต่ทั้งคู่แทบไม่ไม่เข้ามาทำหน้าที่แทน เบอร์โรว์ เลย ขณะที่ รีด ซินเน็ตต์ ก็เพิ่งถูกเซ็นเข้ามาอยู่กับทีมเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ เบอร์โรว์ ได้รับบาดเจ็บ

งานนี้คงต้องช่วยกันภาวนา ให้เบอร์โรว์ ไม่เป็นอะไรมาก และขอให้ควอเตอร์แบ็คที่มีอยู่สามารถปรับตัวให้เข้ากับทีม และเป็นทีเด็ดในการช่วยพาทีมเข้าสู่รอบเพลย์ออฟเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันด้วย