แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าของยูฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก จอดแค่รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อต้องไล่ตามตีเสมอเรอัล มาริด จนจบเวลาในการแข่งขันปกติ 1-1 ให้ทั้ง 2 นัดเสมอกัน 4-4 และต้องต่อเวลา ก่อนที่จะพ่ายจุดโทษไป 3-4 ส่งผลให้ราชันย์ชุดขาวจะเข้าไปพบกับบาเยิร์น มิวนิกที่เอาชนะอาร์เซนอลมาได้ 1-0
เกมนี้ถือเป็นความยากลำบากของซิตี้ที่ต้องเป็นฝ่ายตามตั้งแต่นาทีที่ 12 เมื่อโรดรีโก้ยิงให้เรอัล มาริดขึ้นนำ และมีสกอร์รวม 2 นัดเป็น 4-3 อย่างไรก็ตาม เควิน เดอ บรอยน์ ยังเป็นตัวทีเด็ดของทีม เมื่อสามารถยิงตีเสมอได้ในนาทีที่ 76 จบเกม ทั้งคู่ไม่สามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้ต้องต่อเวลา และยิงลูกโทษในที่สุด ซึ่งลูก้า โมดริซ ยิงเป็นคนแรก และเป็นคนเดียวของเรอัล มาดริดที่ยิงพลาด ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้กำความได้เปรียบ แต่สุดท้ายทั้งแบร์นาโด ซิลวา และมัตเตโอ โควาซิซของเรือใบสีฟ้ายิงไม่เข้า ทำให้ต้องพ่ายในการดวลจุดโทษไป 3-4
ในเกมนี้ถือว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้กุมความได้เปรียบอย่างมาก เพราะครองบอลถึง 67% และมีโอกาสยิงถึง 33 ครั้ง แต่เป็นแค่ประตูเดียว และเออร์ลิง ฮาแลนด์ ศูนย์หน้าของทีมโดนวิตารณ์อย่างหนักถึงฟอร์มการเล่น เพราะเขามีโอกาสจับบอลในกรอบเขตโทษของคู่แข่งถึง 21 ครั้ง แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้เลย
ขณะที่เป๊บ กวาร์ดิโอลา กุนซือของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ออกมากล่าวหลังจบเการแข่งขันว่า ‘ผมไม่โทษแทคติกการแล่นของคาร์โล (อันเชล็อตติ) หรอก นั่นคือสิ่งที่พวกเขาวางแผนเอาไว้ ในปีนี้ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า แผงแนวรับของพวกเขายืนกระจายตัวในแนวที่ต่ำกว่าปกติ เพื่อลดพื้นที่เล่นของศูนย์หน้าฝั่งตรงข้าม และพวกเขาก็ทำได้ดีมาก’
วิเคราะห์บอล ข่าวกีฬา ข่าวบอล ผลบอล by ฟุตบอลกูรู | mainscoreth
ร่วมสนุก รับของรางวัลฟรี !!! Add Line : @mainscoreth
#MainScoreTh #MainScoreThailand
ไม่พลาดทุกข้อมูลข่าวสาร และโปรโมชั่นล่าสุดจาก Kapook
เชิญมาร่วมสนุกกับประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบได้ที่นี่
เลือกที่จะชนะไปกับเรา Kapook